1. Final Audio ZE3000 หูฟังไร้สาย True Wireless
หูฟังไร้สายจากทาง Final Audio ในรุ่น ZE3000 เป็นหูฟังไร้สายที่ออกแบบให้มีความโดดเด่นทั้งดีไซน์ที่เล่นเหลี่ยมมุม มี texture พื้นผิวที่โดดเด่น และฟังก์ชั่นการใช้งานที่ครอบคลุมครับ การออกแบบ ในส่วนของการออกแบบนั้น Final Audio ZE3000 เป็นหูฟัง in ear ชนิด true wireless ที่จะไม่มีสายเชื่อมต่อหูฟังทั้งสองข้าง ภายนอกใช้วัสดุทําจากพลาสติกพร้อมลายบนพื้นผิวที่ชื่อว่า Shibo ซึ่งหมายถึงรอยยับ ทําให้ตัวหูฟังมีความโดดเด่น ออกแบบให้เน้นเหลี่ยมมุม ส่วนที่ด้านใน จะมีความโค้งมน รับกับใบหู ช่วยให้สวมใส่ได้กระชับไม่หลุดง่าย ที่ตัวหูฟังจะไม่มีปุ่มกดใดๆ แต่จะใช้ระบบสัมผัสเพื่อสั่งงาน มาพร้อมกับเคสขนาดเล็กกะทัดรัดสําหรับพกพาและชาร์จแบตเตอรี่ในตัว อุปกรณ์ภายในกล่อง - Final Audio ZE3000 - เคสสําหรับจัดเก็บและพกพา - จุกหูฟังซิลิโคน - สาย USB - คู่มือการใช้งาน การใช้งาน ในส่วนของการใช้งานนั้น Final Audio ZE3000 จะใช้การเชื่อมต่อผ่านทาง BT 5.2 ที่รองรับ CODEC SBC, AAC, aptX, aptX Adaptive โดยสามารถใช้งานได้นานสูงสุด 35 ชั่วโมงรวมเคส วงจรภายในออกแบบมาสําหรับ TWS โดยเฉพาะ . ZE3000 ใช้ Dynamic Driver แบบ F-Core ที่ออกแบบมาเป็นพิเศษโดยตัวไดอะแฟรมนั้นทําจากแผ่นฟิล์มเรซิ่นและใช้ซิลิคอนที่ยืดหยุ่นเป็นพิเศษมาทําขอบรอบนอกจึงทําให้ตอบสนองได้ดีและมีความผิดเพี้ยนต่ํา . นอกจากนี้ยังมีการออกแบบระบบภายในที่ชื่อว่า F-Link เพื่อสลายแรงดันและแรงสั่นสะเทือนที่เกิดขึ้นภายในขณะที่ตัวไดรเวอร์นั้นทํางานจึงช่วยให้เสียงที่ถูกส่งออกมาสู่ท่อนําเสียงนั้นมีเนื้อเสียงที่เคลียร์ไม่มีความมัวหมองและชิ้นดนตรีนั้นยังถูกแยกออกจากกันได้เป็นอย่างดี พร้อมทั้งให้ย่านเสียงต่ําที่มีคุณภาพดีอย่างเห็นได้ชัดเจนครับ One Ear Mode . ในรุ่น ZE3000 นี้สามารถใช้งานข้างเดียวได้ไม่ว่าจะเป็นข้างซ้ายหรือขวาก็ตาม แต่สิ่งหนึ่งที่แสดงให้เห็นถึงความใส่ใจของทาง Final Audio นั่นก็คือ เมื่อเราใช้หูฟังแค่ข้างเดียวไม่ว่าจะซ้ายหรือขวา ระบบจะตัดเข้าสู้ One Ear Mode ที่เป็นการฟังแบบระบบ Mono ให้โดยอัตโนมัติทําให้เราสามารถได้ยินเสียงของทั้งสองแชนแนลได้ทันทีแม้จะใส่หูฟังเพียงข้างเดียวก็ตาม *** One Ear Mode รองรับแค่ Codec SBC และ AAC เท่านั้น *** . ในขณะที่หูฟัง True Wireless ในท้องตลาดจะทํางานแบบแยกแชนแนลเช่นหากเราฟังด้วยหูฟังเพียงข้างซ้ายเพียงข้างเดียว เราก็จะไม่สามารถได้ยินเสียงดนตรีที่ปกติจะอยู่ในแชนแนลขวาครับ Pairing ง่าย & Delay ต่ํา . เพื่อคงคอนเซปต์การใช้งานที่ง่ายและสะดวกสบายทางแบรนด์จึงได้ทําการออกแบบวิธีการเชื่อมต่อหรือการเปิด Pairing ให้ง่ายต่อการใช้งานมากที่สุดโดยใช้แค่การเปิดฝาของตัวเคสขึ้นมาระบบก็จะเข้าสู่การ Paring ให้ทันทีโดยไม่ต้องกดปุ่มใด ๆ ครับ . ส่วนการใช้งานสําหรับชมวิดีโอคอนเทนต์ไม่ว่าจะเป็น YouTube, Netflix หรือ Disney+ ก็สามารถรับชมได้อย่างไม่มีดีเลย์เลยล่ะครับ รวมถึงการเล่นเกม PUBG Mobile ด้วยเช่นกันครับ ซึ่งผมใช้กับ iPhone 12 Mini และ iPad Mini 6 ที่รองรับ Codec AAC ครับ หากใครที่ใช้งานกับสมาร์ตโฟน Android ที่รองรับ ATP-X ล่ะก็สบายหายห่วงเลยล่ะครับ ระบบสัมผัสควบคุมได้ครบถ้วน . ระบบควบคุมการเล่นเพลงนั้นก็สามารถใช้งานได้ครบถ้วนซึ่งทาง Final Audio ได้เลือกใช้เป็นระบบสัมผัส โดยที่มีการตอบสนองที่รวดเร็วแตะแล้วมีความแม่นยําสูง ส่วนการควบคุมต่างนั้นมีดังต่อไปนี้ครับ - Play/Pause : แตะ 1 ครั้ง (L R) - Next Track : แตะค้างจนได้ยินเสียง Beep แล้วปล่อย - Previous Track : แตะค้างจนได้ยินเสียง Beep แล้วปล่อย (L) - Vo