คุณรู้หรือไม่? ว่าปัจจุบันนี้"หูฟังjbl ไร้สาย"นั้นโดยมีทั้ง หูฟังjbl ไร้สาย แล้วแบบนี้คุณจะทราบได้อย่างไรว่าในแต่ละรุ่นหรือประเภทนั้นมีความแตกต่างกันอย่างไร? หรือหูฟังjbl ไร้สาย ยี่ห้อไหนดี? ราคาแพงไหม? ดังนั้นหากคุณเป็นคนหนึ่งที่กำลังมองหาหูฟังjbl ไร้สายดีๆสักรุ่น วันนี้เราได้จัดอันดับ แนะนำ หูฟังjbl ไร้สายคุณภาพดีมาให้คุณได้เลือกกันแล้วดังนี้
2. JBL Tour Pro 2 หูฟังไร้สาย เคสหน้าจอสัมผัส
หูฟังไร้สายจากทาง JBL ในรุ่น Tour Pro 2 เป็นหูฟัง turewireless ที่มีดีไซน์การออกแบบตัวเคสของหูฟังที่ไม่เหมือนเคยมีในหูฟังรุ่นไหนมาก่อนโดยจะมาพร้อมกับหน้าจอสัมผัสสําหรับการควบคุมตัวหูฟัง หรือการตั้งค่าต่างๆได้ผ่านที่ตัวเคสเลยครับ การออกแบบ ในส่วนของการออกแบบนั้น JBL Tour Pro 2 จะเป็นหูฟัง in ear ชนิด turewireless โดยตัวบอดี้ของหูฟังจะออกแบบมาให้มีขนาดที่พอเหมาะสวมใส่สบาย และมีน้ําหนักที่เบา โดยตัวเคสนั้นจะมาพร้อมกับหน้าจอสัมผัสขนาด 1.45 นิ้ว บนตัวเคส ที่ตัวหูฟังควบคุมผ่านการสัมผัสทําให้ไม่มีปุ่มกดใดๆอยู่บนตัวหูฟัง และยังมาพร้อมกับสีให้เลือกด้วยกันสองสีได้แก่สี Black และสี Champagne อุปกรณ์ภายในกล่อง - JBL Tour Pro 2 - เคสสําหรับจัดเก็บและชาร์จแบตเตอรี่ - ชุดจุกหูฟัง - สาย USB - คู่มือการใช้งาน การใช้งาน ในส่วนของการใช้งานนั้นหูฟัง JBL Tour Pro 2 จะใช้การเชื่อมต่ออย่างรวดเร็วด้วย Bluetooth 5.3 โดยตัวหูฟังจะมาพร้อมแบตเตอรี่ที่สามารถใช้งานได้นานต่อเนื่องสูงสุด 10 ชั่วโมงต่อการชาร์จหนึ่งครั้งและเมื่อใช้งานร่วมกับเคสจะสามารถใช้งานได้นานสูงสุดถึง 40 ชั่วโมง (ระยะเวลาการใช้งานจะแตกต่างกันตามฟังก์ชันและระดับเสียงที่ใช้งาน) ภายในของหูฟัง JBL Tour Pro 2 จะใช้ไดรเวอร์ขนาด 10mm ที่สามารถตอบสนองต่อเสียงต่างๆได้เป็นอย่างดี ให้รายละเอียดเสียงที่ชัดเจนและมาพร้อมกับไมโครโฟนถึง 6 ตัวที่ค่อยตัดเสียงรบกวนระหว่างการสนทนาทําให้สามารถรับเสียงพูดได้อย่างชัดเจน โดยจุดเด่นของหูฟังนั้นก็คือ ตัวเคสที่มาพร้อมกับหน้าจอสัมผัสนั่นเองครับ โดยที่ตัวหน้าจอจะรองรับทั้งการควบคุมหูฟัง การตั้งค่าต่างๆ การตรวจสอบสถานะแบตเตอรี่และการแสดงการแจ้งเตือนของมือถือ นอกจากนี้ยังสามารถเปลี่ยนภาพพื้นหลังบนหน้าจอตัวเคสได้ตามที่ต้องการอีกด้วยครับ นอกจากนี้ JBL Tour Pro 2 ยังมาพร้อมฟังก์ชันตัดเสียงรบกวน Active Noise Cancelling ที่สามารถตัดเสียงรบกวนต่างๆ จากภายนอกได้เป็นอย่างดี, ฟังก์ชัน Ambient สําหรับดูดเสียงจากภายนอกเข้ามาระหว่างใช้งาน ทําให้ผู้ใช้งานสามารถได้ยินเสียงรอบตัวแม้จะไม่ได้ถอดหูฟังออกก็ตาม และยังมาพร้อมกับฟังก์ชัน TalkThru สําหรับการรับเสียงพูดเข้ามาภายในหูฟัง และสําหรับการกันน้ําหูฟัง JBL Tour Pro 2 สามารถกันน้ําได้ในระดับ IPX5 ที่สามารถโดนเหงื่อและละอองน้ํากระเด็นใส่ได้ทําให้สามารถใส่ออกกําลังกายและทํากิจกรรมกลางแจ้งได้ครับ โดยสามารถปรับแต่งการตั้งค่าต่างๆได้ผ่านแอป JBL Headphone ได้เลยครับ คุณภาพเสียง ในส่วนของเรื่องเสียงนั้น JBL Tour Pro 2 สําหรับในรุ่นนี้นับว่าเป็นรุ่นระดับ Pro จากทาง JBL ฉะนั้นเรื่องเสียงทางแบรนด์ได้จูนมาอย่างดีมาก ๆ สิ่งแรกที่จะสัมผัสได้เลยก็คือเสียงร้องที่มีตัวมีตนไม่พุ่งมาด้านหน้ามากจนเกินไปแต่เป็นเสียงร้องที่ฟังง่ายชัดเจนดี เสียงเบสเนื้อแน่นปะทะได้แรงตามสไตล์ของ JBL แต่ตัวเบสจะชัดไม่คลุมเครือถือว่าเป็นเสียงเบสที่มีคุณภาพเลยทีเดียว เสียงกีตาร์มีอิมเมจชัดเจนฟังเพลงที่เป็นกีตาร์โปร่งก็สะอาดใส พอฟังเพลงร็อกก็ได้เสียงกีตาร์ที่ดิบ ๆ ฟังสนุกเลยล่ะครับ ในย่านเสียงสูงแตกต่างจาก JBL รุ่นอื่น ๆ มาก เพราะลอยขึ้นได้สุดโดยไม่ฟุ้ง มีเนื้อเสียงที่ดีไม่บางเลยแม้แต่น้อย โดยรวมถือว่าเป็น JBL ที่เสียงดีมาก ๆ สมกับเป็นรุ่นสูงของค่าย แฟน ๆ สามารถคาดหวังรายละเอียดของเจ้า Tour Pro 2 ตัวนี้ได้เลย อยากจะฟังแนวเพลงแบบไหนก็ให้เสียงออกมาดีจริง ๆ ครับ สรุปเกี่ยวกับหูฟังไร้สาย JBL Tour Pro 2 โดยรวมแล้วหูฟังไร้สาย JBL Tour Pro 2 เป็นหูฟังที่มีดีไซน์การออกแบบที่ไม่ซ้ําใคร โดยตัวเคสจะมาพร้อมหน้
3. JBL Tune Flex หูฟังไร้สาย true wireless
หูฟังจากทาง JBL ในรุ่น Tune Flex นั้นเป็นหูฟังที่มีดีไซน์โดดเด่นสามารถเป็นได้ทั้งหูฟังสไตล์ in ear และสไตล์ earbuds มาพร้อมกับฟังก์ชันตัดเสียงรบกวน Active Noise Cancellation และแบตเตอรี่ที่สามารถใช้งานได้ทั้งวันอีกด้วยครับ การออกแบบ ในส่วนของการออกแบบนั้นหูฟัง JBl Tune Flex จะมีดีไซน์ที่ไม่ซ้ําใครโดยสามารถเป็นได้ทั้งหูฟังสไตล์ in ear และสไตล์ earbuds ในตัวเดียวกันตัวบอดี้ของหูฟังถูกออกแบบมาให้สวมใส่ได้อย่างสบาย พกพาสะดวก ตัวหูฟังใช้การควบคุมด้วยระบบสัมผัสและทําให้ไม่มีปุ่มกดใดๆ บนตัวหูฟัง โดยในกล่องจะมาพร้อมกับจุกหูฟัง 2 สไตล์และเคสสําหรับจัดเก็บและชาร์จแบตเตอรี่ครับ อุปกรณ์ภายในกล่อง - JBL Tune Flex - เคสสําหรับจัดเก็บและชาร์จแบตเตอรี่ - ชุดจุกหูฟังซิลิโคน - จุก open eartip - สาย USB - คู่มือการใช้งาน การใช้งาน ในส่วนของการใช้งานนั้นหูฟัง JBL Tune Flex จะใช้การเชื่อมต่ออย่างรวดเร็วด้วย Bluetooth 5.2 โดยสามารถใช้งานได้นานสูงสุด 8 ชั่วโมงต่อการชาร์จหนึ่งครั้งและเมื่อใช้งานร่วมกับเคสจะสามารถใช้งานได้นานสูงสุดถึง 32 ชั่วโมง ตัวหูฟังยังรองรับการ Fast Charge ที่ชาร์ตเพียง 10 นาทีก็สามารถใช้งานได้นานถึง 2 ชั่วโมง (ระยะเวลาของการใช้งานจะขึ้นอยู่กับระดับเสียงและฟังก์ชันที่ใช้งาน) ภายในของหูฟัง JBL Tune Flex จะใช้ไดรเวอร์ขนาด 12 มม. ที่จากแบรนด์ปรับปรุงขึ้นมาทําให้สามารถตอบสนองความถี่ต่างๆได้อย่างมีประสิทธิภาพ และให้รายละเอียดเสียงที่ครบถ้วน มาพร้อมกับไมโครโฟนถึง 4 ตัว ทําให้สามารถรับเสียงสนทนาได้อย่างคมชัด จุดเด่นของหูฟัง JBL Tune Flex ก็คือระบบตัดเสียงรบกวน Active Noise Cancellation ที่สามารถตัดเสียงรบกวนต่างๆจากภายนอกอย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ตัวหูฟังยังมีฟังก์ชัน Ambient Aware สําหรับดูดเสียงจากภายนอกเข้ามาระหว่างใช้งาน ทําให้ผู้ใช้งานสามารถได้ยินเสียงรอบตัวแม้จะไม่ได้ถอดหูฟังออกก็ตาม นอกจากนี้ยังหูฟังยังรองรับการปรับแต่งฟังก์ชันต่างๆได้ผ่านแอป JBL Headphones App ได้อีกด้วย ในส่วนของการป้องกันน้ํานั้น JBL Tune Flex สามารถป้องกันน้ําได้ในระดับ IPX4 ทําให้สามารถใส่ออกกําลังกายหรือทํากิจกรรมกลางแจ้งได้แต่อย่างไรก็ตามตัวหูฟังจะไม่สามารถใส่อาบน้ําหรือใส่ว่ายน้ําได้ครับ คุณภาพเสียง ในส่วนคุณภาพเสียงนั้น JBL Tune Flex นั้นจะแยกเสียงเป็นสองแบบ แบบที่ 1 ในสไตล์ In-Ear จะให้เบสที่มาเป็นลูกใหญ่มีความกระแทกกระทั้นดุดันแต่คุมมวลเสียงได้ดีไม่ล้นไปกวนเสียงกลาง ให้เสียงร้องที่ติดอุ่นเล็กน้อยมีน้ํามีนวล เวทีเสียงขนาดปานกลางและให้เสียงสูงมีความสดสว่างฟังเพลงได้สนุกคึกคักเลยทีเดียวครับ แบบที่ 2 ในสไตล์ของ Earbuds ถือว่าเป็นรุ่นที่ให้เสียงได้กว้างขวาง รู้สึกโปร่งไม่อับทึบ เสียงเบสเก็บตัวไวขึ้นกว่าแบบ In-Ear แต่ยังคงมีแรงปะทะที่มากพอสําหรับหูฟัง Earbuds จึงไม่รู้สึกขาดเบสไป เสียงเครื่องสายชัดเจนขึ้นใสขึ้น เสียงสูงลดความสดลงเล็กน้อยแต่ได้ความเป็นธรรมชาติเพิ่มขึ้นครับ โดยรวมแล้วไม่ว่าจะใช้งานในสไตล์ของหูฟัง In-Ear หรือ Earbuds ก็ให้เสียงที่เหมาะสมและฟังเพลง ดูหนัง เล่นเกมได้อย่างครบครันสุด ๆ เลยทีเดียว สรุปเกี่ยวกับหูฟัง JBL Tune Flex โดยรวมแล้วหูฟัง JBL Tune Flex เป็นหูฟังที่มีดีไซน์การออกแบบที่โดดเด่นไม่ซ้ําใคร ตัวหูฟังสามารถเป็นได้ทั้งหูฟังสไตล์ in ear และสไตล์ earbuds ในตัวเดียวกัน มาพร้อมกับฟังก์ชันตัดเสียงรบกวน Active Noise Cancellation และฟังก์ชัน Ambient Aware สําหรับดูดเสียงจากภายนอกเข้ามาระหว่างการใช้งานโดยไม่ต้องถอดหูฟังออก และยังมาพร้อมกับแบตเตอรี่ท
4. Shokz Openfit หูฟังไร้สาย บลูทูธ รุ่น T910
SHOKZ. หูฟัง shokz openswim. หูฟัง shock open fit. หูฟัง shokz openrun. หูฟังshokz openfit. shokz openrun pro
5. JBL Quantum 610 หูฟังเกมมิ่ง ชนิดไร้สาย สําหรับ PC
หูฟังเกมมิ่งจากทาง JBL ในรุ่น Quantum 610 เป็นหูฟังเกมมิ่งชนิดไร้สาย 2.4GHz ครับ โดยจะใช้ตัวส่งสัญญาณ USB ในการรับ-ส่งสัญญาณเสียงนั่นเอง การออกแบบ ในส่วนของการออกแบบนั้น JBL Quantum 610 เป็นหูฟังเกมมิ่ง full size แบบไร้สาย โดยตัวบอดี้จะใช้วัสดุทําจากพลาสติกกึ่งเงา ออกแบบให้มีความดูดัน พร้อมโลโก้ JBL ที่บริเวณ earcup พร้อมไฟ LED ที่ด้านซ้ายจะมีไมโครโฟนชนิดบูมที่สามารถเปิด-ปิดไมโครโฟนได้ด้วยการยกขึ้นและกดลง มาพร้อมกับ USB Dongle ที่ใช้เป็นตัวรับ-ส่งสัญญาณ โดยจะรองรับการเชื่อมต่อกับ PC เท่านั้นครับ อุปกรณ์ภายในกล่อง - JBL Quantum 610 - USB Dongle ตัวรับ - ส่งสัญญาณ - สายหูฟังพร้อมรีโมท - สาย USB-C - ฟองน้ําครอบไมโครโฟน - คู่มือการใช้งาน การใช้งาน ในส่วนของการใช้งานนั้น JBL Quantum 610 จะสามารถเชื่อมต่อได้ทั้งแบบไร้สาย และแบบเสียบสาย โดยการเชื่อมต่อแบบไร้สายจะต้องใช้ USB Dongle ในการรับ-ส่งสัญญาณ (สําหรับใช้บน PC เท่านั้น) และสําหรับการใช้งาานร่วมกับเครื่องเกมคอนหรืออุปกรณ์อื่นๆ จะสามารถเชื่อมต่อแบบเสียบสาย 3.5 มม. ได้ครับ ภายในของ JBL Quantum 610 จะมาพร้อมกับไดร์เวอร์ JBL QuantumSound ซึ่งเป็นไดร์เวอร์ชนิดไดนามิคขนาด 50 มม. ซึ่งออกแบบเสียงมาสําหรับการเล่นเกมโดยเฉพาะ โดยเน้นในส่วนของเสียงเบสที่หนักแน่น พร้อมมิิตเสียงที่ยอดเยี่ยมครับ JBL Quantum 610 มาพร้อมกับ Game/Chat Dial ที่ออกแบบมาให้ผู้ใช้งานสามารถปรับระดับเสียงเกมและเสียงแชท ว่าต้องการเน้นที่เสียงในเกม หรือเสียงพูดมากกว่ากัน JBL Quantum 610 รองรับระบบเสียงรอบทิศทาง DTS และ JBL QuantumSURROUND ที่เป็นการจําลองเสียงสเตอริโอ ให้เป็นรอบทิศทาง ช่วยให้สามารถระบุระยะห่างและตําแหน่งของเสียงได้อย่างแม่นยํา โดย JBL QuantumSURROUND จะสามารถปรับแต่งเสียงได้ผ่านทางแอป JBL QuantumENGINE สําหรับ PC ครับ ไมโครโฟนของ JBL Quantum 610 นั้นจะเป็นแบบบูม ออกแบบให้รับเสียงจากทางด้านหน้าและด้านหลัง โดยสามารถตัดเสียงรบกวนรอบๆตัวออกได้เล็กน้อย โดยภายในกล่องจะมีฟองน้ําครอบไมโครโฟนเพื่อลดเสียงลมที่เข้ามาด้วยครับ คุณภาพเสียง ในส่วนของเสียงนั้น JBL Quantum 610 จะเป็นหูฟังเกมมิ่งที่ให้เสียงเบสที่หนักแน่น ลูกใหญ่ มีอิมแพ็คที่แรง พร้อมเก็บตัวได้เร็วปานกลาง ในส่วนของเสียงพูดนั้นจะออกแบบมาให้มีความชัดเจน โดยเสียงกลางนี้จะเด่นกว่าย่านเสียงอื่นเลยครับ ทําให้สามารถได้ยินเสียงฝีเท้าหรือดีเทลอื่นๆได้ชัดเจน ในส่วนของเสียงแหลมนั้นมีความคมชัด เป็นแหลมที่พุ่ง จิกหูเล็กน้อย ซึ่งจะทําให้เสียงอย่างเสียงกระสุนที่วิ่งผ่านนั้นสมจริง เร้าใจ และสําหรับเวทีเสียงมีความกว้างขวาง แยกแยะมิติได้ดีมาก โดยไม่ว่าจะเป็นด้านซ้าย-ขวา หรือจะเป็นหน้า-หลัง ก็สามารถระบุตําแหน่งได้อย่างชัดเจนแม่นยําครับ สรุปเกี่ยวกับการใช้งานหูฟังเกมมิ่ง JBL Quantum 610 โดยรวมแล้วหูฟังเกมมิ่ง JBL Quantum 610 เป็นหูฟังเกมมิ่งที่ออกแบบมาสําหรับการเล่นเกมในรูปแบบไร้สาย ช่วยเพิ่มความสะดวกสบายในการใช้งาน รองรับระบบเสียงรอบทิศทาง DTS และ JBL QuantumSURROUND ช่วยเพิ่มมิติเสียงและทิศทางของเสียงให้สมจริงยิ่งขึ้น โดยสามารถปรับแต่งฟังก์ชั่นการใช้งานผ่านแอป JBL QuantumENGINE บน PC ครับ โดยถ้าหากใช้งานอุปกรณ์อื่นๆก็สามารถใช้ผ่านทางการเสียบสาย 3.5 มม. ได้เช่นเดียวกัน JBL